เราชอบหนังของเดนเซล วอชิงตัน แทบทุกเรื่อง ส่วนพี่ชายสุดที่รักก็ชื่นชอบจอห์น ทราโวลต้า มาตั้งแต่เรื่อง Face Off และเมื่อต้นปีที่แล้วตอนพี่ชายรู้ว่าทั้ง 2 คนจะเล่นหนังด้วยกัน เสียงโทรศัพท์รุ่นโบราณของเราก็ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้ 2 พี่น้องสื่อสารข้อความด่วนถึงกัน และมีประโยคหนึ่งที่ทำให้เราจำได้ว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังอีกเรื่องที่เราไม่ควรพลาด ประโยคนั้นเป็นประโยคที่พี่ชายพูดว่า “Pelham นี่น่าดูอ่ะ พี่ว่าเรา 2 คนต้องชอบหนังเรื่องนี้แน่”
วันเสาร์ที่ผ่านมา พี่ชายสุดที่รักไปดูหนังเรื่อง The taking of Pelham 123 ที่หาดใหญ่กับว่าที่พี่สะใภ้ ในขณะที่เราออกไปทานมื้อค่ำกับผองเพื่อนที่ภูเก็ต แน่นอนว่าคืนนั้นพี่ชายโทรศัพท์มาหาและพูดประโยคหนึ่งกับเรา และประโยคนั้นก็เป็นตัวกระตุ้นฮอร์โมนอยากดูหนังเรื่องเดียวกันนี้ในวันรุ่งขึ้น
เที่ยงวันอาทิตย์ เราไปดูหนังเรื่องนี้และพบกับคำตอบที่ว่า Pelham 123 ไม่ได้เป็นหนังที่ดีเท่าที่ควรของผู้กำกับโทนี่ สก๊อต!
โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้จัดเป็นหนังแอ๊กชั่นหรือผจญภัยอย่างที่หนังได้รับการโปรโมทไว้ อย่างดีก็เป็นแค่หนังแอ๊กชั่นธรรมดาๆพื้นๆแบบสุดๆละกัน (มันดีขึ้นมั้ยเนี่ย?) เพราะนอกเหนือจากดารานำชั้นยอดอย่างวอชิงตัน และทราโวลต้าแล้ว Pelham 123 ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย
หนังเรื่องนี้ดึงจุดเด่นในเรื่องของเวลาที่ไรเดอร์ (จอห์น ทราโวลต้า) นับถอยหลังก่อนจะลงมือฆ่าตัวประกันในขบวนรถไฟ และสก๊อตก็เน้นย้ำเรื่องเวลาไปในแทบทุกฉาก แต่สุดท้าย เราก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นไปกับมันสักเท่าไหร่ และมีบางอารมณ์ที่เราแอบรู้สึกว่าการนับถอยหลังให้หนังเรื่องนี้จบๆไปซะทีมันชักจะตื่นเต้นกว่าเวลาที่ไรเดอร์นับถอยหลังซะอีก
ป.ล. “หนังเรื่องนี้ทำพี่ up set อ่ะ ถ้าแกมีเวลาว่าง แกก็ไปดูเหอะ แต่ถ้าแกอยากนอนหลับอยู่บ้านมากกว่าล่ะก็ พี่แนะนำให้แกนอนไปเลย แล้วลืมหนังเรื่องนี้ไปซะ”…………นี่คือประโยคที่พี่ชายพูดกับเราในคืนวันเสาร์ (และเราก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง)
ผมดูแล้ว
ผมว่าหนังยังขาดความพอดีในหลายๆอย่าง
ยิ่งพอสุดท้าย มันบังเอิญไปสะหมด เปิดท่อระบายน้ำเจอตัวร้าย มั่ง อะไรมั่ง
จงใจให้พระเอกได้รับบทเด่นเกิน ..
แต่ก็โอเคในชั้นเชิงการพูดจา ชอบดี ไม่เสียดายตังค์