นานาเหตุผลที่ว่าทำไมกล้อง FujiFlim GFX 100 ถึงแพงแสนแพง

Fujifilm GFX100 เป็นกล้องรุ่นกลางที่เปิดตัวในปี 28 มิถุนายน 2562 ในราคา 10,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 339,900 บาท สำหรับคนทั่วไปมันถือว่าแพงไม่ใช่น้อยเลย แต่ในราคานี้ก็มีที่มาที่ไป เพราะสิ่งที่ทางค่ายให้มาก็ไม่ธรรมดาเลยตั้งแต่เซ็นเซอร์ Medium Format ขนาดใหญ่ มาพร้อมฟีเจอร์ Phase Detection Focus ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจับภาพวัตถุเคลื่อนไหว พร้อมระบบกันสะเทือนแบบ 5 แกน ในตัว

ด้านการถ่ายภาพและวีดีโอนั้น GFX100 สามารถถ่ายภาพด้วยความละเอียดสูงถึง 100 ล้านพิกเซล และรองรับการถ่ายภาพความคมชัดระดับ 4K จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด สำหรับคนที่มองหากล้องขั้นเทพไว้ใช้งาน แต่สำหรับคนที่ยังไม่มั่นใจว่าจะลงทุนกับเจ้า GFX 100 ดีไหม คงต้องอ่านคุณสมบัติเด็ด ๆ เหล่านี้มาประกอบการตัดสินใจซะก่อน

คุณสมบัติของกล้อง GFX100

ตัวกล้องมีขนาด 156.2 x 144.0 x 75.1 mm กับน้ำหนักรวมเพียง 1.3 กิโลกรัม ด้านหลังจะไม่มีปุ่มสี่ทิศทางเหมือนรุ่นก่อน ๆ แต่จะมีปุ่มแบบจอยสติ๊กมาให้ใช้แทน มาพร้อมหน้าจอแสดงผลพับได้ 3 ทิศทาง รองรับการใช้ทัชสกีน จอแสดงบนด้านบนเป็นแบบ OLED ขนาด 1.8 นิ้ว สามารถตั้งค่าได้ตามใจ หรือจะใช้เป็นปุ่มแทนไดอัลแบบเก่าก็ยังได้

ด้านข้างสามารถเสียบการ์ด SD UHS-II ได้ 2 ช่อง ซึ่งมีความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลที่เร็วมาก ๆ (300 MB/s) เหมาะสำหรับการใช้ภาพถ่ายที่มีความละเอียดสูง 102 ล้านพิเซล เนื่องจากไฟล์ที่มีขนาดใหญ่กว่าไฟล์ทั่วไปมาก นอกจากนี้ยังมีพอร์ทเชื่อมต่อมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น USB Type-C, Micro HDMI, ช่องเสียบไมค์ 3.5, หูฟัง 3.5 และช่องเสียบไฟตรง 15 โวลต์ และฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ไม่น้อยหน้าใครอีกเพียบ

รองรับการถ่ายวีดีโอ Ultra HD – 4K

ด้วยความที่กล้องมาพร้อมกับตัวเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่การถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงจึงทำได้แบบไร้กังวล ทั้งในระดับ UHD และ DCI 4K ที่ 30 เฟรม 4:2:2 10-bit พร้อมช่องเสียบ HDMI ในตัว รองรับการบันทึกด้วยความเร็ว 400 Mb/s สามารถทำงานร่วมกับ Atomos Ninja V และอีกระบบคือ UHD 4K ที่ 30 เฟรม รองรับรูปแบบไฟล์ RAW ของ Apple ProRes

ตัวกล้องใช้ขุมพลังจาก quad-CPU X-Processor 4 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทางฟูจิใส่มาให้ด้วยเพื่อการบันทึกวีดีโอ 4K ได้อย่างราบรื่นหมดห่วงเรื่องความผิดเพี้ยนของชัตเตอร์เมื่อถ่ายภาพวัตถุเคลื่อนไหว ทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัดสูง แถมยังมีตัวเลือกให้ตั้งค่า F-Log gamma ที่จะช่วยเตรียมไฟล์สำหรับนำไปใช้แก้ไขด้วยโปรแกรมภายหลัง

คุณภาพของไฟล์ภาพ GFX 100

สมัยก่อนหลายคนรู้ดีถึงปัญหาของเซ็นเซอร์แบบ Medium format ว่ามันให้รายละเอียดภาพดีแต่ก็มาพร้อม Noise ด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากที่มีการนำเซ็นเซอร์แบบ CMOS มาใช้งาน ปัญหานี้ก็ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งในรุ่น GFX 100 ที่ให้ภาพถ่ายความคมชัดสูงมากจนน่าประทับใจ เมื่อเอาไฟล์ภาพไปตกแต่งหลังกล้องด้วยยิ่งทำให้มองเห็นคุณภาพที่ได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าคุณภาพไม่ต่างอะไรจากกล้องแบบฟูลเฟรมเลยทีเดียว

คุณภาพการป้องกันภาพสั่นไหว Sensor-Shift

GFX 100 มาพร้อมกันสั่นแบบ 5 แกน ช่วยลดการสั่นของกล้องได้สูงสุด 5.5 สต็อป สามารถนำไปใช้ร่วมกับเลนส์ได้เกือบทุกชนิด รวมถึงเลนส์ที่ไม่มีกันสั่น และมีประโยชน์มากในการนำไปใช้ถ่ายภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำ หรือในระหว่างสภาพแสงที่ไม่เพียงพอ

ระบบโฟกัสอัตโนมัติ 3.76 ล้านจุด

ออโต้โฟกัส 3,760,000 จุด ที่ครอบคลุมเกือบทั้งพื้นที่เซ็นเซอร์ มีความว่องไวและแม่นยำสูงแม้ในที่แสงน้อย เหมาะสำหรับนำไปใช้จับภาพวัตถุที่เคลื่อนไหว จับใบหน้า พร้อมรองรับการทำงานใน AF-C mode ในขณะอัดภาพเคลื่อนไหว

แนะนำแหล่งซื้อราคาถูก

  1. Big Camera แหล่งรวมกล้องมือหนึ่งราคาถูก ซึ่ง Fujifilm GFX 100 ถือเป็นหนึ่งในนั้นด้วย โดยส่วนมากนอกจาก Big Camera จะมอบราคาถูกสุดคุ้มแล้ว ยังมาพร้อมกับของสมนาคุณพิเศษอีกเพียบ พร้อมประกันศูนย์ครบถ้วนเต็มจำนวน
  2. Fotofile.co.th ศูนย์รวมอุปกรณ์กล้องครบวงจร มีให้เลือกซื้อทุกชนิดตั้งแต่ DSLR หรือ Mirrorless รวมถึงเลนส์ที่มีให้เลือกกันทุกขนาด ซึ่งเจ้าตัว GFX 100 ก็ได้รับการจัดโปรโมชั่นราคาปัง ๆ บ่อย ๆ ครั้งอยู่เหมือนกัน
  3. iPrice Thailand สำหรับคนที่กำลังมองหาแหล่งซื้อกล้องราคาถูก แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปซื้อที่ไหนดี เราแนะนำให้ลองเข้าไปดูที่นี่เลย มันเป็นเว็บศูนย์รวมและเปรียบเทียบราคากล้องที่ใหญ่ที่สุดในไทย ทำให้เราสามารถดูราคากล้องของร้านค้าแต่ละแห่งได้ในที่เดียว หากใครสนใจก็ลองเข้าไปเช็คราคากล้อง Mirrorless ไม่แน่คุณอาจได้ราคาถูกกว่าที่ไหน ๆ ก็เป็นได้

สรุปแล้วกล้องตัวนี้ถือว่าราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับฟีเจอร์ที่ทางค่ายให้มา เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ที่ราคาเหยียบล้าน ก็ถือว่าทำออกมาได้ไม่เลวเลยทีเดียว กับความละเอียดที่มีให้มากถึง 102 ล้านพิกเซล ยังไม่รวมถึงเทคโนโลยีทันสมัยที่ทางฟูจิอัดมาให้กันแบบไม่ยั้งกันเลย ดังนั้นถ้าเป็นช่างภาพมืออาชีพจะรู้ว่าสิ่งที่ได้นี้มันคุ้มค่าแล้ว แต่ถ้ายังคิดว่าแพงและคงไม่ได้ใช้ฟีเจอร์มันได้เต็มที่ ก็อาจจะลองไปดูรุ่นน้องที่ราคาเบากว่าหน่อยอย่าง Fujifilm GFX 50R หรือ 50S แทนกันดูได้

ผู้เขียน ขนิษฐา สาสะกุล