ผู้ประสานงานองค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน แจ้งว่าสืบเนื่องมาจากเมื่อกลางเดือนธันวาคม 2550 กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบ้านย่าหมี ต.เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา จำนวนกว่า 30 คน ได้รวมตัวกันเข้าไปสำรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาด ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำของชุมชนหลังจากได้มีการสังเกตเห็นมีการนำรถแบ็คโฮเข้ามา บุกรุกและถางไถ ปรับสภาพพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หลังจากนั้นต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ชาวบ้านย่าหมี จำนวน 17 ราย ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาจากสถานีตำรวจภูธรเกาะยาว จ.พังงา ในข้อหาร่วมกันบุกรุกหรือเข้าไปทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข และร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร
ล่า สุดทางกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบ้านย่าหมี ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา พร้อมด้วยเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบ้านท่าสนุก อ.ทับปุด และ บ้านในหงบ-ควนคา จ.พังงา รวมจำนวน 50 คน เดินทางมาให้กำลังใจกับแกนนำนักอนุรักษ์บ้านย่าหมี 17 ราย ที่ถูกบริษัท นาราชา จำกัด ฟ้องร้องในข้อ หาร่วมกันบุกรุกหรือเข้าไปทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข และร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร และศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องและไกล่เกลี่ย โดยกลุ่มชาวบ้านทั้งหมดได้เดินขบวนพร้อมถือป้ายผ้าจากสวนสาธารณสมเด็จพระศรี นครินทร์จังหวัดพังงา เดินเรียบถนนทางหลวงเพื่อมุ่งหน้าไปยังศาลจังหวัดพังงา
ทั้งนี้ มีการเขียนข้อความป้ายผ้า เพื่อเรียกร้องขอความยุติธรรมว่า “17 ผู้ ต้องหาปกป้องทรัพยากรต้องได้รับ ความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรมไทย” และ “อัยการ ศาลเป็นทนายของประเทศชาติ ดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรมปกป้องทรัพยากร” และก่อนที่จะเข้าไปยังศาล กลุ่มชาวบ้านย่าหมีทั้งหญิงและชายได้ทำการละหมาดฮาญัติเพื่อขอพรจากพระอัล เลาะห์ หลังจากนั้นจึงเดินทางเข้าไปยังห้องพิจารณาคดี ห้องพิจารณาคดีบัลลังก์ที่2โดยมีนายกิตติกร กิตติกรพานประยูรเป็นผู้พิพากษาและผลจากการพิจารณาคดีนั้นศาลนัดไกล่เกลี่ยครั้งต่อไปในวันที่30พฤศจิกายน2552เวลา09.00น.