- แสงหลัก (Main Light) ปกติจะวางด้านหน้าเฉียงไปทางด้านซ้ายหรือขวา ประมาณ 45 – 60 องศา เป็นไฟหลักที่ใช้ส่องกระจายเข้าหาแบบ และสร้างอารมณ์ด้วยความเข้มของการส่องสว่างให้กับแบบตามโจทย์ที่ช่างภาพต้องการนำเสนอ
- แสงรอง หรือแสงลบเงา (Fill-in Light) ไฟดวงนี้มักจะวางด้านหน้าของแบบตรงข้ามกับไฟหลัก เฉียงด้านซ้ายหรือขวา ประมาณ 30 – 60 องศา โดยมีความแตกต่าง ของกำลังไฟรองกับไฟหลัก ประมาณ 1 : 2 – 1 : 9 หรือประมาณ 1 – 3 1/3 Stops ใช้เพื่อลบเงาที่หน้า และตัวแบบที่เกิดจากไฟหลักให้ลดน้อยลงตามที่ช่างภาพ ต้องการ
- แสงส่องผม (Hair Light) เป็นไฟส่องผมเพื่อเปิดให้เห็นรายละเอียด และสร้างมิติให้กับแบบ เป็นไฟที่ถูกวางอยู่ในมุมสูงเหนือศีรษะเยื้องไปทางด้านหลังในทิศทางตรงข้าม กับไฟหลักเล็กน้อย ปกติจะถูกออกแบบให้มีกำลังไฟมากกว่าไฟหลักเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสีของผมของแบบด้วย ถ้าเป็นสีดำสนิท ก็ควรจะเพิ่มกำลังไฟให้มากกว่าไฟหลัก ประมาณ 1 Stop แต่ถ้าเป็นผมสีโทนอ่อน หรือสีบลอนด์อย่างฝรั่งชาติตะวันตก อาจจะใช้กำลังไฟเท่ากับไฟหลักก็ยังได้
- แสงส่องฉาก (Background Light) เป็นไฟส่องฉากหลัง เพื่อเปิดให้เห็นรายละเอียดของฉากหลัง หรือใช้เพื่อสร้างมิติเป็นการแยกระยะห่างระหว่างตัวแบบกับฉากหลังก็ได้ ปกติมักใช้ไฟจำนวน 2 ดวง เพื่อเกลี่ยแสงที่ฉากให้เท่ากันทั้ง 2 ด้าน
- แสงส่องแบบ (Back Light) เป็นไฟที่ใช้ส่องเข้ามาที่ตัวและศีรษะของแบบ ซึ่งโดยปกติจะเป็นภาพในแนวแฟชั่น แฟนซี ถูกออกแบบเพื่อสร้างอารมณ์ในลักษณะเพิ่มเสน่ห์ และความเซ็กซี่ให้กับแบบ
ตามหลักการจัดแสงโดยใช้ชุดไฟสตูดิโอ บริเวณด้านหน้าของชุดไฟแฟลชจะติดอุปกรณ์กระจายแสง ซึ่งสามารถให้ความเข้มของแสงได้ 2 ลักษณะ คือ
- แสงแข็ง (Hard Light) ลักษณะของแสงจะเป็นแสงที่มาอย่างมีทิศทาง ทำให้เกิดเงาแข็งในด้านตรงข้าม เปรียบได้กับแสงจากดวงอาทิตย์ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ภาพที่ได้จะมีความเปรียบต่างสูงมาก พื้นที่ในส่วนสว่างจะเห็นรายละเอียดชัดเจน แต่พื้นที่ในส่วนตรงข้ามกับวัตถุจะเป็นเงาดำเข้ม
- แสงกระจาย หรือแสงนุ่ม (Diffuse Light) เป็นแสงที่มาอย่างไม่มีทิศทาง ภาพที่ได้จะมีความนุ่มนวล ทำให้ไม่มีเงาเข้ม
อุปกรณ์ที่ใช้ในการกระจายแสง มีดังนี้
- ร่มสะท้อนแสง (Umbrella) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สะท้อนแสงแบบกระจายกว้าง ตามขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของร่ม แบ่งตามวัสดุที่ใช้ในการกระจายแสง ได้ 3 ประเภท คือ
- กล่องแสงนุ่ม (Soft box) ใช้สวมเข้าหน้าหัวไฟแฟลช ช่วยกระจายแสงให้มีความนุ่มนวลกว่าแบบไฟร่ม กล่องแสงนุ่มมีหลายขนาด ทั้งแบบสี่เหลี่ยมจตุรัส และแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า และในปัจจุบัน ผู้ผลิตบางรายได้มีการผลิตกล่องแสงแบบแปดเหลี่ยม ให้ใช้กันด้วย ซึ่งทั้งนี้จะให้ผลลัพธ์ (Effect) ที่ดวงตา และการกระจายแสงที่แตกต่างกันไป
- โคมสะท้อนแสง (Reflector) ให้แสงแข็ง ที่มีความเปรียบต่างสูง ตกลงเฉพาะส่วน โดยโคมที่ยิ่งมีความลึกมากก็จะให้แสงแข็ง
ที่เป็นลำแคบ มากกว่าแบบโคมตื้น - รังผึ้ง (Honeycomb Grid) เป็นอุปกรณ์ทรงกลมที่มีแผ่นกรองแสงลักษณะเหมือนรังผึ้ง ใช้สำหรับสวมหน้าโคมสะท้อนแสง ให้แสงที่ค่อนข้างแข็ง
- สนูท (Snoot) ใช้สำหรับสวมหน้าหัวไฟเพื่อควบคุมให้แสงส่องเป็นลำในทิศทางที่ต้องการ ปกตินิยมใช้เป็นแสงส่องผม หรือแสงส่องฉาก ให้แสงแข็ง
ทิศทางของแสงต่างกัน จะมีผลต่ออารมณ์ การแสดงรายละเอียด และความเปรียบต่างของแสงและเงาในภาพแตกต่างกันไป
- แสงหน้าตรง ให้ภาพสว่างเห็นรายละเอียดทั่วทั้งภาพ แต่จะดูแบน ขาดมิติ
- แสงเฉียงหน้า 45 องศา จะให้รายละเอียดเฉพาะด้านที่แสงส่อง ส่วนด้านตรงข้ามจะเกิดเงาแข็งแต่ก็จะช่วยให้ภาพดูมีมิติ
- แสงข้าง หน้าจะได้รับแสงเห็นรายละเอียดเพียงครึ่งเดียว ช่วยสร้างอารมณ์ให้แบบดูมีพลัง เข้มแข็ง
- แสงหลัง แสงมาจากด้านหลังของแบบ ให้แสงสว่างที่ผมและบริเวณขอบตัวทางซ้ายและขวาของแบบ แต่ด้านหน้าจะมืด สร้างอารมณ์ให้ภาพดูลึกลับ หรือมีเสน่ห์ได้จากตัวอย่างการจัดแสงในทิศทางต่างๆ ที่เห็นถือเป็นหลักการเบื้องต้นในการจัดไฟถ่ายภาพบุคคลด้วยชุดไฟสตูดิโอ ฉบับหน้าผมจะเจาะลึกในรายละเอียดการจัดไฟถ่ายภาพด้วยชุดไฟหลายดวงเพื่อสร้าง สรรค์ภาพให้แบบดูสวยงามมากขึ้น
ที่มา : bpsthai / o2blog