เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปร้านจรัสร่วมงาน THE BEST OF THAI PRODUCE โดยสยามไวน์เนอรี่และโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท งานนี้เค้านำเครื่องดื่มมาแพร์ริ่งกับอาหารไทยของร้านอาหารจรัส คอนเซปตามชื่องานเลย ผลิดภัณฑ์ของไทย เครื่องดื่มที่ผลิตที่ไทยและอาหารไทย เพราะร้านจรัสก็ขึ้นชื่อเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นมาทำอาหารอยู่แล้ว
สำหรับร้านอาหารจรัส ตั้งอยู่หน้าหาดกมลา เป็นส่วนหนึ่งของ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท ตัวร้านอาหารจะอยู่คนละฝั่งกับโรงแรม และนี่แหละคือไฮไลท์สำหรับโรงแรมนี้ คือ มีอุโมงค์ลอดใต้ถนน ข้ามไปมาระหว่างร้านอาหารและโรงแรม สะดวกสบายไม่ต้องกังวลเรื่องข้ามถนน รถเยอะ ฯลฯ

วันนี้เราจอดรถฝั่งโรงแรม ซึ่งสะดวกสบายกว่า มีหลังคาด้วย แล้วก็เดินไปตามป้าย เพื่อลงอุโมงค์ลอดไปฝั่งร้านอาหาร ระหว่างเดินก็ถ่ายรูปเพลินๆ ในอุโมงค์จ้า ส่วนใครที่ขี้เกียจเดินสามารถเรียกให้รถปักกี้ไปส่งได้นะ แต่จริงๆ อยากให้เดินมากกว่า จะได้แชะรูปในอุโมงค์ด้วย เพราะข้างในเค้าวาดรูปต่างๆ ที่สื่อถึงความเป็นภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็น ที่เที่ยวเด่นๆ อาหารพื้นเมือง รวมไปถึงความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่น



เนื่องจากเป็น Sit-Down Dinner ทุกคนต้องมาให้ตรงเวลา เพราะเค้าจะเสิร์ฟอาหารมาพร้อมกับแพร์ริ่งเครื่องดื่ม ในครัวจะทำสดๆ เสิร์ฟร้อนๆ มาพร้อมกันทีเดียว ดังนั้นเค้าจะรอให้แขกมาครบถึงจะเริ่มได้ และถ้าคุณมาสายละก็…


เมื่อมาพร้อมกันแล้วเค้าจะเริ่มเสิร์ฟอาหาร เริ่มด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยจานจุ๋มจิ๋มกันก่อน อันนี้เชฟบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจจากต้มยำกุ้ง มีมะเขือเทศคาเวียร์ มูสกุ้ง และตะไคร้

ลืมบอกไป ที่นี่เชฟเค้าจะมาแนะนำอาหารทุกจานตั้งแต่ แรงบันดาลใจ ส่วนประกอบ เทคนิค รสชาติ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยต่างๆ วันนี้เป็นหน้าที่ของเชฟชัชวาล Chef de Cuisine

น้ำย่อยมาเต็มแล้ว ก็เริ่มจานแรกกันเลย สำหรับจานแรกเป็นจานที่เรียกความสดชื่นกันก่อน “เมี่ยงคะน้า อัญชัน” ที่บอกว่าสดชื่นเพราะจานนี้ประกอบด้วย ขิง หอมแดง มะนาวฝาน พริกขี้หนู เคล้าด้วยน้ำซอสรสเปรี้ยวหวาน ห่อใบคะน้า ตกแต่งด้วยไข่แดงเป็ดเค็มขูดฝอย แปะทับด้วยอัญชันให้ม่วงตัดส้มกันไป


จานที่สองยังเป็นแนวๆ ของทานเล่นแต่หนักขึ้นมาอีกนิดนึง “ยำส้มโอ กุ้งย่าง” จากที่บอกไปแล้วตอนต้น ที่นี่เค้าเน้นวัตถุดิบจากท้องถิ่น ดังนั้นกุ้งนี้ก็เป็นกุ้งจากทะเลอันดามันเรานี่เอง มาจากแถวนี้รับประกันความสดใหม่ ส้มโอเค้าก็เลือกมากแล้วอร่อยไม่ติดขม ราดน้ำยำรสไม่จัด เน้นเปรี้ยวหวาน คลุกกับมะพร้าวคั่ว โรยด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์หอมอร่อย (อยากบอกว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะให้ความหอม และรสชาติที่แตกต่างจากถั่วลิสง)



มาถึงครึ่งทาง หลังจากทานเปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด ครบรส แถมเครื่องดื่มไปหลากหลายแก้ว ทางโรงแรมเค้าก็คงคิดว่าไม่ได้แล้ว ต้องนำเสนออะไรที่ช่วยเรียกวิญญาณนักชิม ให้กลับมากระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง นี่เลย “ต้มส้มปลากระพง” สูตรปักษ์ใต้บ้านเรา ซดกันให้คล่องคอ แล้วพร้อมไปต่อกันให้จบคอร์สคืนนี้


และแล้วก็มาถึง Main Course/จานหลักของเรา หลังจากซดน้ำแกงคล่องคอกันมาแล้ว “มัสมั่นแพะ” เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ เนื้อแพะเค้านำไปซูวี/ซูวีด กับเครื่องแกงมัสมั่นให้เข้าเนื้อ แล้วมาเคี่ยวกับน้ำแกงอีกที เนื้อเปื่อยกำลังดี เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพเพราะเนื้อไม่ติดมัน



จบลงด้วยความหอมกะทิ หวานไอติม สดใสด้วยสีสันเม็ดทับทิม “ทับทิมสยาม” จานนี้มีครบสีสัน แดงสดน้ำหวาน ฟ้าใสกามิกาเซ่ เหลือง-ส้มขนุนสด พลิกไปพลิกมาหามุมถ่ายรูปอยู่พักนึง คิดได้ว่ารีบทานเลยดีกว่า เดี๋ยวไอติมละลาย

ทานครบตามคอร์สแล้ว ก่อนกลับทักทายกับเจ้างานและแชะภาพไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนึง ไว้วันหลังถ้ามีเวลาและมีโอกาสไปแวะเวียนสถานที่พิเศษ ในโอกาศพิเศษ จะเก็บภาพและความทรงจำมาเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ วันนี้คงต้องพอแค่นี้ก่อน … สวัสดีค่ะ



