นับว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 แล้วในปัจจุบัน สำหรับ X5 รหัส E70 ตัวนี้ ซึ่งตำนานของ X5 รถประเภท SAV หรือ Sports Activity Vehicle ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาของค่ายใบพัดสีฟ้าขาวอย่าง BMW นั้น ได้เริ่มขึ้นเมื่อปี 1999 กับรหัส E53 ด้วยความมุ่งหวังที่จะตอบสนองการเดินทางได้อย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมแฝงไว้ด้วยสมรรถนะของรถสปอร์ตหรูตามสายพันธุ์ดั้งเดิมของ BMW ซึ่งเจ้า X5 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะหลังจากเปิดตัวไม่นานก็ได้รับการตอบรับอย่างดี จนได้รับรางวัลมากมายทั้งในด้านการออก แบบ สมรรถนะ คุณภาพ และความปลอดภัย ทำให้บริษัทบีเอ็มดับเบิลยู ได้รับตำแหน่งผู้นำด้านรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ระดับพรีเมียม ในปี 2007 และรางวัลดีไซน์ยอดเยี่ยมจากนิตยสารรถยนต์หลากหลายรางวัล
รูปทรงภายนอกของ X5 รหัส E70 ตัวนี้ ได้รับการออกแบบใหม่หมด โดยเพิ่มมิติของตัวถังให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม จนมีความยาวตัวถัง มากกว่ารุ่น E53 อีก 187 มม. เป็น 4,854 มม. และความกว้างที่เพิ่มอีก 61 มม. เป็น 1,933 มม. โดยมีระยะฐานล้อยาวขึ้นเป็น 2,933 มม. เพิ่มจากเดิมถึง 113 มม. ส่วนความสูงทั้งหมดที่มีมาให้มากถึง 1,766 มม. เพิ่มจากเดิมถึง 26 มม. เลยทีเดียว และถึงแม้ตัวถังจะมี ขนาดใหญ่โตแต่กลับมีค่าสัมประสิทธิ์อากาศเพียง 0.33 เท่านั้น ลูกเล่นที่ใส่ไว้อย่างมากมาย ตั้งแต่ ไฟหน้าแบบ Adaptive Head lights ที่จะปรับทิศทางการส่องสว่างตามองศาการหมุนพวงมาลัย โดยแสงส่องสว่างเป็นแบบ ไบซีนอน ซึ่งมีทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้า ที่มืด ทางBMW ก็ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมเติมอรรถประโยชน์ไว้ด้วยแร็คราวหลังคา, ที่ปัดน้ำฝนทำงานตามปริมาณ น้ำฝนที่เซ็นเซอร์ตรวจจับได้, ระบบเตือนเมื่อเข้าใกล้สิ่งกีดขวางในขณะจอดรถ ตบท้ายกับระบบ Comfort Access ที่สามารถเปิด ประตูได้โดยไม่ต้องไขกุญแจ เพียงแค่พกไว้ที่ตัว ก็สามารถเปิดประตูได้ก่อนจนกดปุ่ม Start รถโดยไม่ต้องมานั่งไขกุญแจ
ภาย ในห้องโดยสารของ X5 มีความเรียบง่ายและหรูหราในแบบฉบับ BMW ซึ่งมีการตกแต่งภายในด้วยหนังแท้คุณภาพสูง พร้อม ลายไม้ Walnut แท้ ๆ การจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ทำได้อย่างกลมกลืน ตั้งแต่ พวงมาลัยทรงสปอร์ตพร้อมสวิตช์ควบคุมแบบมัลติฟังก์ชัน และที่ลืมไม่ได้กับระบบไฮเทคประจำตระกูลอย่าง iDrive ที่ทำงานร่วมกับจอมอนิเตอร์ขนาด 6.5 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงแบบ BMW Professional Audio System with HIFI Loudspeaker System
ความ สะดวกสบายภายในรถ SAV อย่าง X5 มีให้ไม่ต่างจาก Luxury Car ทั่ว ๆ ไป อาทิ เบาะนั่งด้านหน้าปรับด้วยไฟฟ้า พร้อม บันทึกตำแหน่งการปรับเบาะนั่งไว้ในหน่วย ความจำ, ระบบปรับอากาศสามารถแยกปรับอุณหภูมิ ซ้าย-ขวา ได้ตามต้องการ หรือ Bluetooth ใช้งานร่วมกับโทรศัพท์ ตบท้ายด้วยความปลอดภัย นอกจากเข็มขัดนิรภัยแล้ว ยังติดตั้งถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับและผู้โดย สารด้านหน้า รวมไปถึงถุงลมนิรภัยด้านข้างด้วยห้องโดยสารขนาด 5 ที่นั่ง มีความกว้างขวางนั่งสบาย เนื้อที่บริเวณ Headroom ก็มีมา ให้เหลือเฟือ แบบว่าถ้านั่งกันครบพื้นที่แบบ 5 คน แล้วเดินทางไกลก็เรียกได้ว่าไม่อึดอัดแต่อย่างใด
ในยุคก่อนสำหรับ BMW ตระกูล X5 นั้น มักจะได้ยินเสียงบ่นกันหนาหูมากในเรื่องของความสิ้นเปลือง เรียกว่ารถวิ่งดีแต่ก็ซดไม่ยั้ง เหมือนกัน แต่เมื่อมาเจอ X5 xDrive30d ความรู้สึกที่ผ่านมาก็จะหายไป เพราะว่าหัวใจหลักของตัวนี้จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบ แถวเรียง ที่มีขนาดความจุ 3 ลิตร (2,993 ซี.ซี.) พร้อมระบบเทอร์โบแปรผันและเทคโนโลยีคอมมอนเรล เจเนอเรชั่นที่ 3 พร้อมระบบ ฉีดน้ำมันแบบ Piezo ที่สามารถสร้างกำลังสูงสุดถึง 218 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที กับแรงบิดที่มีมาให้อย่างมหาศาลถึง 500 นิวตัน-เมตร ในรอบ 2,000-2,750 รอบ ส่วนระบบส่งกำลังนั้นเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 จังหวะ พร้อม Steptronic ที่ช่วยให้กำลัง ถูกถ่ายทอดได้อย่างต่อเนื่องและลงตัว
โดย จากที่ได้ลองขับดูก็รู้สึกได้ถึงกำลังแรงบิดที่มีมาให้ใช้อย่างมหาศาล มันให้มามากพอที่จะพาตัวถังขนาดใหญ่แหวกม่านอากาศไป ได้แบบไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทาง ความเร็วสูงสุดของในแต่ละเกียร์ที่รอบเครื่องยนต์ 4,500 รอบ/นาที ในเกียร์ 1 จะได้ที่ 40 กม./ชม. เกียร์ 2 จะได้ 70 กม./ชม. เกียร์ 3 จะได้ 110 กม./ชม. ส่วนในเกียร์ 4 จะได้ 150 กม./ชม. ส่วนความเร็วปลายเท่าที่ลองกด เล่น ๆ ในสนามทดสอบของบริดจสโตนก็ได้อยู่ราว ๆ 190 กม./ชม. ซึ่งมันก็มีท่าทีที่จะไหลไปมากกว่านั้นได้อีก แต่ก็คงต้องอาศัยระยะ ทางที่ยาวกว่านี้พอสมควร ถึงจะสามารถหาท็อปสปีดได้ แต่สำหรับรถลักษณะนี้ ความเร็วปลายแค่นี้ก็เกินพอที่จะใช้งานแล้ว แต่ถ้าเดิน ทางกันแบบปกติช่วงความเร็วเดินทาง 100-120 กม./ชม. จะใช้รอบเครื่องต่ำ ๆ แบบประหยัดและลดการสึกหรออยู่ที่ 1,800 และ 2,100 รอบ/นาที เท่านั้น
ส่วน อัตราความสิ้นเปลืองก็ต้องถือว่าเป็นสิ่งที่ให้ความสบายใจกับท่านเจ้าของรถ เพราะ BMW X5 xDrive30d ตัวนี้ มีอัตราการ บริโภคที่ค่อนข้างสบายกระเป๋าสตางค์ ไม่เหมือนบรรดาตัวเบนซินก่อนหน้านี้ โดยอัตราการบริโภคแบบเดินทางไกลที่มีการขับขี่แบบใช้ ความเร็วค่อนข้างสูงตลอดการเดินทาง จะกินเฉลี่ยอยู่ที่ 10.5 กม./ลิตร
ที่มา : Bmw / Grandprixgroup