เมื่อเวลาประมาณ15.00 น.วันที่ 4 กันยายนนี้ ที่ห้องประชุม 2 ศาลา กลางจังหวัดหลังใหม่ นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมประชุมกับนายบำรุง สำเภารัตน์ ประธานคณะกรรมการอิสลาม จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยกรรมการและผู้แทนมัสยิดต่างๆ ในพื้นที่ ในโอกาสเดียวกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต มอบน้ำตาลน้ำหนัก กระสอบละ20 กิโลกรัมให้แก่มัสยิด 64 แห่ง เพื่อใช้ในประเพณีถือศีลอดหรือประเพณีถือบวชในช่วงเดือนรอมฎอน ประจำปี 2552 ของจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ ยังจะมอบให้กับมัสยิดในพื้นที่จังหวัดพังงาอีกส่วนหนึ่งด้วย
ประเพณี ถือศีลอด หรือประเพณีถือบวชในช่วงเดือนรอมฎอนหรือเดือนที่ 9 ของปีฮิจเราะห์ศักราช โดยชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามทุกคนจะถือศีลอด เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม โดยในช่วงระยะเวลาตั้งแต่รุ่งสางไปจนถึงตะวันลับขอบฟ้า ผู้ ถือศีลอดจะไม่ยอมให้อาหาร น้ำ หรือ น้ำลายล่วงล้ำเข้าไปในลำคอ และเมือถึงเวลาประมาณ18.00น. ล่วงไปจนถึงก่อนสว่าง จะเริ่มรับประทานอาหารกันอย่างเต็มที่เช่นปกติ แต่จะรับประทานอาหารเพียงเพื่อประทังความหิวเท่านั้น
สำหรับเหตุผลที่ศาสนาอิสลามได้บัญญัติไว้เช่นนี้ เพื่อ ให้ชาวมุสลิมได้รู้สำนึกถึงความอดอยากและความยากจนว่า ในยามที่คนเราต้องอดอาหารนั้นจะมีความทุกข์ทรมานเพียงใด เพื่อคนร่ำรวยจะได้ เกิดจิตสำนึก มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แล้ว ให้การช่วยเหลือหรือบริจาคทานแก่คนแก่หรือคนจนหลังจากครบกำหนด 1 เดือนแล้วเป็นวันออกบวชหรือที่เรียกกันว่า “ฮารีรายอ” หรือ “อิดิลฟิตรี” ที่เป็นวันที่ชาวมุสลิมทั่วโลกจะมีการเฉลิมฉลองการกลับสู่การดำเนินชีวิตตาม ปกติหลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จ ในการถือศีลอดอย่างเคร่งครัดตามบทบัญญัติของ ศาสนาอิสลาม ทังนี้ชาวมุสลิมจะต้องทำ อยู่ 2 วัน คือ วันฮารีรายอหรือวันอีดิลฟิตรี ซึ่งเป็นวันรื่นเริงเนื่องจากสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน และวันฮารีรา ยอหัจญี หรือ วันรายออิฎิลอัฎฮา ที่มีการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่ประชาชนและคนยากจน