เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 27 ตุลาคม 2552 ที่ห้องประชุม POC นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 2/2552 โดย มีคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เช่น ประมงจังหวัด โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน แขวงการทางภูเก็ต ขนส่งทางน้ำที่ 5 สาขา ภูเก็ต เป็นต้น
สำหรับในการประชุมครั้งนี้มีการนำโครงการเข้าสู่การพิจารณาขออนุญาต จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการขออนุญาตวางท่อสูบน้ำ หัวจ่ายพร้อมแท่นจ่ายน้ำ คสล. (โครงการผลิตน้ำดื่ม-น้ำใช้เพื่อชุมชน) บริเวณริมทะเล หมู่ 5 ชุมชนห้าแยกอ่าวฉลอง ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ของมัสยิดเอ้าวาลุ้ลฮีดาย๊ะห์ โดยขอต่อท่อน้ำขนาด 4 นิ้ว ลงไปในทะเลระยะทางประมาณ 700 เมตร และอาคารหัวจ่ายน้ำ เพื่อจำหน่ายให้กับเรือประมงและเรือท่องเที่ยวบริเวณอ่าวฉลอง เพื่อนำรายได้มาใช้ในกิจการของมัสยิดเอ้าวาลุ้ลฮีดาย๊ะห์ ในการอบรมให้ความรู้ด้านจริยธรรมของศาสนาอิสลาม ซึ่งทางคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบ แต่ขอให้พิจารณาแนววางท่อเพื่อไม่ให้กระทบกับแนวปะการัง
โครงการขออนุญาตวางกระชังเลี้ยงปลา บริเวณริมทะเลเกาะตะเภา ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต โดยกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและประมงพื้นบ้านอ่าวมะขาม โดยสร้างกระชังขนาด 9×9 เมตร จำนวน 2 กระชัง ใช้วัสดุไม้ผสมเหล็กและตาข่าย แต่คณะกรรมการฯ ยังไม่เห็นชอบ เนื่องจากมองว่าเป็นการขออนุญาตเพียงรายเดียว โดยขอให้ไปประชุมประชาคมหมู่บ้าน และกำหนดขนาดพื้นที่ในการวางกระชังให้ชัดเจนสำหรับการขอในรายอื่นๆ
โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะ บริเวณริมฝั่งทะเล บ้านท่าฉัตรไชย ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ซึ่งมีความยาวประมาณ 137 เมตร กว้าง 5 เมตร เพื่อป้องกันการพังทลายของชายฝั่ง ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ซึ่งคณะกรรมการฯ ให้ความเห็นชอบ พร้อมขอให้ทาง อบจ.ภูเก็ตช่วยศึกษาปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติมด้วย
และโครงการขออนุญาตก่อสร้างสะพานสารสิน 2 ข้ามคลองปากพระ(คลองท่านุ่น) ต.ไม้ขาว อ.ถลาง คั่นกลางระหว่างสะพานท้าวเทพฯ กับสะพานสารสินเดิม งบก่อสร้างประมาณ 377 ล้านบาท ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) แล้ว โดยทางคณะกรรมการฯ ให้ความเห็นชอบ ส่วนปัญหาของที่ดินรอยต่อในการสร้างจุดยูเทิร์นบริเวณด้านวัดท่าฉัตรไชย ให้นำเรื่องเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดและเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือกันอีกครั้ง