คณาจารย์ชิงหวินนำคณะ เยี่ยมชมงานประเพณีถือศีลกินผักภูเก็ต

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 ที่ท่าเทียบเรือน้ำลึก อ่าวมะขาม ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ หัวหน้าสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง และประชาชนชาวภูเก็ตจำนวนมาก ร่วมให้การต้อนรับคณาจารย์ชิงหวิน และศิษยานุศิษย์ ในโอกาสเดินทางมาเยี่ยมชมงานประเพณีถือศิลกินผัก ของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเดินทางมาทางทะเลด้วยเรือสำราญสตาร์ครูซส์

ทั้งนี้จากการสัมภาษณ์ท่านคณาจารย์ชิงหวินถึงการเดินทางมาจังหวัดภูเก็ตครั้งนี้ ทราบว่า ท่านได้นำศิษยานุศิษย์ จำนวน 1,700 คน มาประชุมกันบนเรือ แต่ด้วยชื่อเสียงงานประเพณีถือศีลกินผักของเมืองภูเก็ตที่ได้ยินมา ท่านจึงได้แวะมาเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเยี่ยมชมว่าการถือศีลกินผักที่มีชื่อเสียงของภูเก็ตนั้นเป็นยังไง และหลังจากนี้ต่อไปท่านก็จะเดินทางไปที่ประเทศสิงคโปร์

แต่ก่อนที่ท่านคณาจารย์ชิงหวิน และคณะจะเดินทางกลับ นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ถือเอาโอกาสดังกล่าวเรียนเชิญท่านไปชมสถานที่ประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมหยกขาว สูง 5 เมตร ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ด้วย

โดย นายวรพจน์ เรียนต่อคณาจารย์ชิงหวินว่า พี่น้องชาว จ.ภูเก็ตมีความประสงค์จะสร้างสถานที่ประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมหยกขาว ซึ่งองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมหยกขาวตอนนี้อยู่ประดิษฐานชั่วคราวอยู่ที่เมืองจีน ส่วนในเรื่องของรูปแบบทางจังหวัดให้เทศบาลนครภูเก็ตเป็นผู้ออกแบบให้ และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการเตรียมการที่จะหาเงินสร้างสถานที่ประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม

ซึ่งนายวรพจน์ ได้ขออานิสงส์จากท่านคณาจารย์ชิงหวิน ช่วยเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั่วโลกมาทำบุญเพื่อสมทบทุนสร้างสถานที่ประดิษฐาน องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมดังกล่าว

ขณะที่ท่านคณาจารย์ กล่าวว่า สิ่งที่จะให้จะจัดสร้างนั้น มีความหมายมากสำหรับจังหวัดภูเก็ต ซึ่งตัวท่านก็เป็นพระโพธิสัตว์ที่จะมาโปรดเวไนยสัตว์ในกลางทะเลอยู่แล้ว พระโพธิสัตว์เป็นพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตา ฉะนั้นที่ไหนมีทุกข์ท่านก็จะไปช่วยให้พ้นทุกข์

คณาจารย์ ชิงหวิน เกิดปี ค.ศ.1927 ชาวเจียงคู มณฑลเจียงชู ประเทศจีน/บรรพชาเมื่อปี ค.ศ.1919 ณ วัดชีเสียชัน เมืองนานกิง ประเทศจีน,พระอุปัชฌาย์ พระเถระจื้อไค เจ้าอาวาสวัดชีเสียชัน เมืองนานกิง,สืบสายพงศาธรรมของมหายาน นิกายรินไซเซ็น/ อุปสมบท ในปี ค.ศ.1947 ณ วัดชีเสียชัน เมืองนานกิง,พระอุปัชฌาย์ พระเถระจื้อไค เจ้าอาวาสวัดชีเสียชัน เมืองนานกิง/สำเร็จการศึกษาสงฆ์ด้านวิปัสนารินไซขั้นที่สอง ณ วิทยาลัยสงฆ์เจียวชัน ประเทศจีน,สำเร็จการศึกษาสงฆ์ด้านวิปัสนารินไซขั้นสูง ณ วิทยาลัยสงฆ์ ชีเสียชันเมืองนานกิง/ค.ศ.1948

ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดโสวชัน เมืองนานกิง ค.ศ.1967 ปฐมเจ้าอาวาสผู้บุกเบิกสร้างวัดโฝวกวงชัน เมืองเกาสอง จีนไต้หวัน ค.ศ.1970-ปี ค.ศ.1987 เจ้าอาวาสวัดโฝวกวงชัน 200 กว่าสาขาทั่วโลกงานทางด้านการศึกษาและวัฒนธรรม ค.ศ.1949 เดินทางมาไต้หวันรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการนิตยสารเหยินเชิง และนิตยสารเจวี๋ยนซื่อ, ค.ศ. 1949 เป็นผู้ก่อตั้งสมาคม สุขาวดี,สมาคมยุวพุทธ,โรงเรียนสอนธรรมเยาวชนในวันหยุด,ก่อตั้งกลุ่มเยาวชน ผู้ประกาศธรรม,ค.ศ.1957 เป็นผู้ก่อตั้งศูนย์วัฒนธรรมด้านศาสนา ต่อมาได้พัฒนาเป็นสำนักพิมพ์โผวกวง ซึ่งได้จัดพิมพ์หนังสือพุทธศาสนามากมาย

ค.ศ.1967 ผู้ก่อตั้งวิทยาลัยสงฆ์ วัดโฝวกวงชัน มุ่งเน้นในเรื่องของพุธศาสนาของโลกเป็นหลัก มีอุดมคติอยู่ว่า ให้การศึกษาเพื่อพัฒนาบุคลากรเน้นวัฒนธรรมในงานเผยแพร่วัฒนธรรม,เน้นการสาธารณสุขในการพัฒนาสังคม,เน้นการปฏิบัติธรรมเพื่อจรรโลงจิตใจคน,และได้ขยายการพัฒนาไปสู่ทวีปต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งได้สร้างวัดสาขากว่า 200 วัด เช่นวัดชีไหล ในอเมริกา,วัดหนานเทียน ในออสเตรเลีย,วัดหนานฮวา ในแอฟริกาใต้ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นวัดจีนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนั้นๆ ได้เป็นผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พุทธศาสนา,ห้องสมุดพระพุทธศาสนา,สำนักพิมพ์,โรงพยาบาลเคลื่อนที่ และโรงเรียนมัธยม,อีกทั้งมหาวิทยาลัย 4 แห่งและในวัดสาขาทั่วโลกได้จัดชั้นเรียนภาษาจีนในทุกสาขาทั่วโลกและจัดตั้งกองทุนในด้านการศึกษาและการเผยแพร่วัฒนธรรมการสังคมสงเคราะห์ต่างๆ อีกมากมาย

คณาจารย์ชิงหวิน ได้รับรางวัลทั้งในและนอกประเทศ ค.ศ.1978 ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยตงฟัง ประเทศสหรัฐอเมริกา ค.ศ.1995 ได้รับรางวัลพุทธรัตนะจากสมาคมพุทธศาสนาในอินเดีย,ได้รับรางวัลจากกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันในด้านการสาธารณสุข และงานสังคมสงเคราะห์ ค.ศ.2000 ได้รับรางวัลผู้อุทิศตนในงานพระพุทธศาสนาดีเด่นจาก นายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย ประเทศไทย สมัยนั้น ฯลฯ

Related Post

ร่วมแสดงความคิดเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.