เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 19 ตุลาคม 2552 ที่ห้องจามจุรี 1 โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) เป็นประธานเปิดโครงการอบรมผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2552 ซึ่งทาง อบจ.ภูเก็ต ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น โดยมีนายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายบำรุง สำเภารัตน์ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต นายประดิษฐ์ แสงจันทร์ ประธานสภา อบจ.ภูเก็ต สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต ตลอดจนพี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งจะต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ เข้าร่วมจำนวน 230 คน
นายจีระศักดิ์ ท่อทิพย์ ที่ปรึกษานายก อบจ.ภูเก็ต และกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม ที่กำหนดให้บุคคลที่มีความสามารถเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ได้โดยปราศจากอุปสรรคต่างๆ ได้แก่ เรื่องการเงินต้องไม่เป็นภาระแก่ครอบครัวและสุขภาพต้องแข็งแรง ในแต่ละปีมีชาวมุสลิมจากทั่วโลกไปประกอบพิธีฮัจย์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากการประกอบพิธีฮัจย์ในแต่ละปีมีเวลาเดียวและอยู่ในช่วงเวลาจำกัด ฉะนั้นหากผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ไม่ได้เตรียมตัวให้มีความพร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ ความรู้และขั้นตอนในการปฏิบัติศาสนกิจของการประกอบพิธีฮัจย์ อาจทำให้การประกอบพิธีฮัจย์ไม่สมบูรณ์
“การจัดอบรมดังกล่าว เพื่อให้ความรู้และตระหนักถึงความสำคัญของฮัจย์ ตลอดจนขั้นตอนของการประกอบพิธีฮัจย์ตามหลักศาสนบัญญัติ ให้ข้อมูลความรู้เพิ่มเติมและเตรียมความพร้อมแก่ผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ให้ได้ฮัจย์ที่สมบูรณ์ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และสร้างความมั่นใจแก่ผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ รวมทั้งเพื่อเพิ่มศักยภาพและความเป็นเอกลักษณ์ที่ดีของคนภูเก็ต และคนไทยในการพบปะผู้ร่วมประกอบพิธีจากนานาประเทศที่ไปประกอบพิธีฮัจย์ ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์แนะนำจังหวัดภูเก็ตและประเทศไทยได้เป็นอย่างดี” นายจีระศักดิ์กล่าว
ขณะที่นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า การประกอบพิธีฮัจย์เป็นบทบัญญัติหนึ่งของศาสนาอิสลาม ที่กำหนดให้มุสลิมที่มีความสามารถเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ได้ โดยปราศจากอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการเงินต้องไม่เป็นภาระแก่ครอบครัว และสุขภาพร่างกายต้องแข็งแรง ซึ่งถือว่าเป็นความยุติธรรมของหลักการที่พระผู้เป็นเจ้าได้กำหนด และถือว่าเป็นความโชคดีของชาวมุสลิมในจังหวัดภูเก็ต ที่พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานทรัพย์สิน เงินทองและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งสามารถเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งในส่วนของ อบจ.ภูเก็ต ในฐานะที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรู้สึกภาคภูมิใจและดีใจที่ได้มีโอกาส และมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการปฏิบัติศาสนกิจที่สำคัญยิ่งของพี่น้องมุสลิม