เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 14 กันยายน 2552 นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานวันปฐมพยาบาลโลก พร้อมมอบเกียรติบัตร และของขวัญแก่ผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรม มีนางไทศิกา ไพรสงบ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต นางนวรัตน์ รัฐสีมา นางอรชุติมา ปาลวัฒน์วิไชย นางวิภาพรรณ คูสุวรรณ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต คณะกรรมการเหล่ากาชาด ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ เอกชน นักเรียน นักศึกษาจากสถานศึกษาต่างๆ ใน จ.ภูเก็ต ประชาชนผู้สนใจทั่วไป และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี ที่ศาลาประชาคม อ.เมือง จ.ภูเก็ต
สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นภายในงาน มีการประกวดคำขวัญวันปฐมพยาบาล การแข่งขันปฐมพยาบาล นิทรรศการความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลโลก การสาธิตการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน
นาง ไทศิกา กล่าวว่า วันปฐมพยาบาลโลกเกิดขึ้นตามฉันทามติของสมาชิกสภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือน แดงนานาประเทศให้เป็นวันแห่งการรณรงค์เพื่อให้ประชาชนของแต่ละประเทศและ ประชาคมโลกตระหนักถึงความสำคัญของการปฐมพยาบาล โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกสภากาชาดและสภากาชาดเสี้ยววงเดือนแดงของแต่ละประเทศ จัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับองค์กรภาครัฐและองค์กรท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายของอุบัติภัยและความสำคัญของการปฐมพยาบาล โดยให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแบ่งปันองค์ความรู้ที่จะช่วยส่งเสริม ศักยภาพให้ประชาชนทั้งประเทศมีความสามารถในการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี โดยกำหนดให้วันเสาร์สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายนทุกปีเป็นวันปฐมพยาบาลโลก
สำหรับประเทศไทย ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาล และสุขภาพอนามัยสภากาชาดไทยได้เริ่มจัดกิจกรรมวันปฐมพยาบาลโลกในปี 2552 นี้ เป็นการจัดครั้งที่ 8 สำหรับจังหวัดภูเก็ตเป็นการจัดครั้งที่ 3 โดยการจัดกิจกรรมวันปฐมพยาบาลโลกปีนี้จัดขึ้นพร้อมกันใน 6 จังหวัดภาคใต้ที่ประสบภัยสึนามิ และสถานีกาชาดอีก 2 จังหวัด โดยต้องการให้เกิดความร่วมมือร่วมใจของวิทยากรเครือข่ายสภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต อาสาสมัครสภากาชาดไทย ในการเผยแพร่ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลสู่ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายผ่าน กิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ได้รับความรู้ให้มากที่สุด
“การจัดงานวันปฐมพยาบาลโลกในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายๆ หน่วยงานใน จ.ภูเก็ตเป็นอย่างดียิ่งที่จำทำให้การรณรงค์ความรู้และปลูกจิตสำนึกเรื่อง การปฐมพยาบาลเข้าสู่ชุมชนเกิดความยั่งยืนต่อไป และงานวันปฐมพยาบาลโลกในปีนี้ผู้ที่เข้าร่วมจะได้แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์และนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและชุมชน ต่อไป” นางไทศิกา กล่าว