เช้าวันที่11 กันยายนนี้ที่โรงแรมถาวร ปาล์มบีช รีสอร์ท ตำบลกะรน อำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัยเป็นประธานเปิดการประชุมนานาชาติ การส่งเสริมสุขภาพช่องปากเด็กวัยเรียน ภาคพื้นเอเชีย ครั้งที่ 5 ประเทศไทย ปี 2552 (The 5th Asian Conference of Oral Health Promotion for School Children: ACOHPSC))ที่ ทางกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขไทย เป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ชมรมทันตสาธารณสุขแห่งประเทศไทยคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้นโดยมีทันตบุคลากร นักวิชาการ และครูจากประเทศต่างๆ ในภาคพื้นเอเชีย และประเทศอื่นๆ จาก 24 ประเทศเข้าร่วมประชุมประมาณ 500 คน
ในโอกาสเดียวกันนี้ มีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ที่มีส่วนสนับสนุนส่งเสริมให้งานทันตสุขภาพเข้าสู่โรงเรียนประถมศึกษาใน สังกัดอย่างครอบคลุม และการประชุมนอกจากมีการบรรยายทางวิชาการโดยผู้เชี่ยวชาญในระดับนานาชาติ แล้ว ยังมีการนำเสนอผลงานทางวิชาการจำนวนประมาณ 80 เรื่อง และนำคณะผู้เข้าร่วมสัมมนาศึกษาดูงานการดำเนินการส่งเสริมทันตสุขภาพใน โรงเรียนประถมศึกษาในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จำนวน 3 แห่งคือ โรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียว โรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา และโรงเรียนภูเก็ตไทยหัว
นาย แพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่าการประชุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อให้ บุคลากรที่เกี่ยวข้องด้านทันตสุขภาพ จากประเทศต่างๆ ในภาคพื้นเอเชียมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานและประสบการณ์การส่ง เสริมสุขภาพในช่องปากเด็กวัยเรียนร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่วางไว้ ตลอดจนสามารถนำไปปรับใช้ตามบริบทของประเทศต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป พร้อมทั้งกำหนดทิศทางในการดำเนินงานโดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของโรงเรียน บ้าน และชุมชน เพราะหากขาดการสนับสนุนจากชุมชนแล้ว ความพยายามของภาครัฐไม่สามารถประสบความสำเร็จได้
ทั้งนี้สุขภาพช่องปากเด็กเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ไม่เฉพาะในเอเชียเท่านั้น เพราะการส่งเสริมสุขภาพช่องปากเด็กวัยเรียนภาคพื้นเอเชียเป็นอีกหนึ่งความ ก้าวหน้าในการปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกที่เหมาะสมแก่เด็กวัยเรียน สำหรับ การแก้ปัญหาที่ผ่านมา กรมอนามัยร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้การแปรงฟันหลังอาหารกลางวันที่ โรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเป็น 1 ในตัวชี้วัดของโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ และมีการบูรณาการจัดการเรียนรู้เรื่องทันตสุขภาพ ในหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ มีการประกาศนโยบายโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม และขนมกรุบกรอบในพื้นที่นำร่อง 12 จังหวัด ตลอดจนมีเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน 25 จังหวัด รวมทั้งการเข้าถึงบริการตรวจสุขภาพช่องปากและการเคลือบหลุมร่องฟันเพื่อ ป้องกันฟันผุอีกส่วนหนึ่งด้วย
นอกจากนี้อธิบดีกรมอนามัยกล่าวด้วยว่าจากการสำรวจภาวะทันตสุขภาพของเด็ก ไทยอย่างต่อเนื่องพบว่า มีแนวโน้มของอัตราการเป็นโรคฟันผุเพิ่มสูงขึ้นและนับเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกของปัญหาด้านสุขภาพของเด็กไทย โดยเฉพาะเด็กอายุ 3 ปี มีฟันผุไปแล้วถึงร้อยละ 66 ที่เริ่มตั้งแต่ขวบปีแรกและผุลุกลามอย่างรวดเร็วในช่วงอายุ 1-3 ปี ส่วนเด็กอายุ 5-6 ปีเป็นโรคฟันผุสูงมากถึงร้อยละ 87.4 มีค่าเฉลี่ยฟันผุ ถอนและอุด 5.97 ซี่ต่อคน ในขณะที่เด็กอายุ 12 ปี พบเป็นโรคฟันผุถึงร้อยละ 57 หรือประมาณ 6 ใน 10 คน มีค่าเฉลี่ยฟันผุ ถอน อุด 2 ซี่ต่อคน และมีสภาวะเหงือกอักเสบร้อยละ 58.9 ด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็ก คือ ความทุกข์ทรมานจากการปวดฟัน ต้องขาดเรียนเพื่อไปรับบริการประมาณ 400,000 คนต่อปี ทำให้ฟันที่เหลือเสี่ยงต่อการผุและเหงือกอักเสบมากขึ้น การรักษาจึงทำได้ด้วยการอุดฟัน เคลือบหลุมร่องฟัน และถอนฟัน โดย เฉพาะในเด็กอายุ 5 ปี มีความต้องการในการถอนฟันสูงถึงร้อยละ 32.70 และพบว่าในพื้นที่ภาคใต้มีจำนวนสูงสุด ดังนั้นการแก้ไขปัญหาจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่าย รวมทั้งสมาคมผู้ปกครองที่ถือเป็นองค์กรสำคัญที่นำแนวคิดและแนวปฏิบัติจาก โรงเรียนสู่ครอบครัว ในขณะเดียวกันยังเป็นตัวเชื่อมระหว่างโรงเรียนกับชุมชนอีกด้วย เพราะ ชีวิตประจำวันของเด็กจะอยู่ที่บ้าน โรงเรียนและชุมชน การจัดการสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและในชุมชน การเพิ่มศักยภาพของเด็กและผู้ปกครองในการดูแลสุขภาพช่องปากเด็ก ตลอดจนการมีส่วนร่วมของครู ผู้ปกครองและชุมชน เป็นอีกวิธกีการหนึ่ง ที่จะช่วยลดปัญหาสุขภาพช่องปากเด็กได้